บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์

ห้องอาหาร Luxe Dining Hapuna ตั้งอยู่ในโรงแรม Shinakawa Prince Hotel ซึ่งเปิดทำการมาตั้งแต่ปี 1994 และเริ่มมีชื่อเสียงในเรื่องของบุฟเฟ่ต์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ภายในห้องอาหารถูกตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา ไลน์อาหารหลากชนิดทั้งคาวหวานถูกจัดวางไว้อย่างสวยงาม ตื่นตาตื่นใจชวนหิวเป็นที่สุด

ขาปูยักษ์จำนวนมากดึงดูดสายตาทุกคู่ ที่ Luxe Dining Hapuna แห่งนี้ต้องเสิร์ฟขาปูยักษ์เฉลี่ยกว่า 350 กิโลกรัมต่อวัน เพื่อให้เพียงพอกับลูกค้าจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาทุกวันไม่ขาดสาย ซึ่งขาปูเหล่านี้จะถูกเสิร์ฟในภาชนะบรรจุน้ำแข็งเพื่อคงความสดไว้จนกว่าจะถึงมือผู้บริโภคอย่างเรา

ลูกค้าที่มารับประทานมีทั้งลูกค้าทั่วไปและลูกค้าที่มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งทุกคนที่มานั้นต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือ “ขาปูยักษ์” นั่นเอง จึงไม่แปลกที่ขาปูจะอันตรธานหายไปจากเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว

นอกเหนือไปจากขาปูยักษ์ที่เป็นไฮไลท์ของงานแล้ว อาหารอื่น ๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเมนู Roasted Beef (เนื้อวัวอบ) ที่ทาง Hapuna ภูมิใจเสนอ เชฟจะทำการอุ่นเนื้อไว้ให้ได้อุณหภูมิที่ 150 องศาเซลเซียส พร้อมทั้งเปิดให้ชมการแล่เนื้อและทำอาหารของเชฟกันแบบสด ๆ ตามความตั้งใจของห้องอาหาร Hapuna ที่อยากให้ลูกค้าได้สัมผัสทั้งรูป รส และกลิ่น

ขอแนะนำว่าให้สำรองที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 อาทิตย์ ซึ่งสามารถจองทางโทรศัพท์โดยใช้ภาษาอังกฤษได้ หรือจองและตรวจสอบวันเวลาที่ว่างได้ผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม Prince Hotel เพราะถ้าหากเดินทางมาเลยโดยไม่ได้จองไว้อาจพลาดโอกาสได้ลิ้มรสบุฟเฟ่ต์ของที่นี่ได้

ชั้น 12 ของห้างสรรพสินค้า Daimaru เป็นที่ตั้งของร้าน Tokyo Station Buffet ร้านบุฟเฟ่ต์ชื่อดังที่คนไทยหลายคนแนะนำต่อกันมาผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทำให้ร้านแห่งนี้กลายเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทย และหลาย ๆ คนได้เดินทางไปพิสูจน์รสชาติกันมาแล้ว

ขนาดขาปูยักษ์ของที่นี่อาจไม่ได้ใหญ่เต็มปากเต็มคำนัก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับราคาแล้วก็ถือว่าคุ้มค่ามาก รสหวานจากความสดของปูชดเชยแทนขนาดได้ดี กินได้เรื่อย ๆ แบบไม่ต้องกลัวหมด เพราะพนักงานจะคอยบริการเติมให้ตลอด โดยขาปูของที่นี่มีหลากหลายสายพันธุ์ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปแต่ละวันไม่มีเบื่อ

ไลน์อาหารอื่นก็รสชาติดีไม่แพ้กัน โดยที่นี่จะเน้นอาหารญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ก็มีพิซซ่ามาไว้ให้เลือกทานสำหรับคนชอบอาหารฝรั่ง มุมของผักก็มีให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นผัดผักสไตล์ญี่ปุ่น (เห็ดโคน กะหล่ำปลี ถั่วลันเตา และอื่น ๆ ผัดกับโชยุและน้ำมันงา) เทมปุระผัก และสลัดผักตักได้ตามใจ ส่วนฝั่งของอาหารทะเลที่นอกเหนือไปจากขาปูยักษ์แล้วยังมีกุ้ง ทูน่า หอยเชลล์ และหอยนางรมอีกด้วย

แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าเพิ่งเพลิดเพลินไปกับเมนูของคาว เพราะของหวานที่นี่นั้นจัดว่าเด็ด ทั้งเค้กสตรอเบอร์รี่ เค้กช็อคโกแลต และขนมญี่ปุ่นอีกมากมาย เห็นแบบนี้แล้วก็อย่าลืมเผื่อพื้นที่ในท้องไว้ให้ของหวานกันด้วยนะคะ ระยะเวลา 90 นาทีก็เพียงพอแล้วสำหรับความคุ้มค่า

สำหรับบุฟเฟ่ต์ของที่นี่ อาจไม่จำเป็นต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าหากเดินทางมาในช่วงเวลากลางวัน สามารถนั่งรอคิวได้ แต่หากเป็นช่วงเย็นหรือไม่อยากรอนาน แนะนำให้จองก่อน โดยอาจให้โรงแรมที่พักช่วยจองให้หรือโทรศัพท์จองด้วยภาษาอังกฤษ และที่สำคัญที่ต้องย้ำเตือนลูกค้าชาวไทยอย่างเราคือทางร้านไม่อนุญาตให้นำน้ำจิ้มซีฟู้ดเข้าไปรับประทานคู่กับขาปูยักษ์โดยเด็ดขาด อย่าลืมทำตามกฎระเบียบกันด้วยนะคะ

หากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนจะพบว่า ร้านอาหารที่ให้บริการบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์นั้นยังมีไม่มากนัก Marugoto Hokkaido เป็นหนึ่งในร้านที่ยังคงเปิดให้บริการตั้งแต่นั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ร้าน Marugoto Hokkaido มีหลายสาขาในญี่ปุ่น และสาขาที่เราจะพาไปกินในวันนี้ คือ สาขา Ikebukuro ที่มีให้บริการบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ ซึ่งที่ตั้งร้านนั้นอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวอย่าง Shinjuku อีกด้วย

ทางร้านมีเวลาให้ 90 นาที สำหรับขาปูยักษ์ 3 ชนิด นั่นคือปูอลาสกาพันธุ์แดงที่มีขนาดใหญ่ เนื้อแน่น กินง่าย ทำให้ได้รับความนิยมมากที่สุด ปูหิมะรสหวานนุ่มที่มีความอร่อยในแบบของมันเอง และปูขนต้มสุกรสชาติโดดเด่นกลมกล่อม แม้ราคาจะสูงกว่าบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ร้านอื่น แต่ทางร้านมั่นใจว่าของที่ใช้นั้นเป็นของคุณภาพดี หากได้ลองแล้วจะรู้ว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายแน่นอน

ขาปูอลาสกาพันธุ์แดงขนาดใหญ่ เนื้อปูแน่นแต่เนื้อสัมผัสนุ่ม จึงไม่แปลกที่ปูชนิดนี้จะได้รับความนิยม ส่วนปูขนนั้นจะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับกระดอง เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มรสเนื้อปูสีน้ำตาลที่มีความเข้มข้น และก่อนจะวางมือจากมื้ออาหาร ทางร้านยังมีข้าวต้มปูเสิร์ฟให้ด้วย เราสามารถใส่เนื้อปูและปรุงรสได้ตามใจชอบ

ร้าน Marugoto Hokkaido Ikebukuro แห่งนี้ต่างจากร้านบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ทั่วไปตรงที่เราไม่ต้องเดินไปตักอาหารเอง แต่ทางร้านจะมีบริการเสิร์ฟถึงโต๊ะ แม้จะสั่งได้ไม่อั้นแต่ก่อนสั่งเพิ่มนั้นควรจะรับประทานให้หมดจานเสียก่อน เพราะทางร้านไม่อนุญาตให้ทานเหลือ ฉะนั้นทานแต่พอดีดีกว่านะคะ

Prince Viking เป็นอีกร้านในโรงแรมเครือ Prince Hotel ที่มีบริการบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณชั้น B2 ของโรงแรม Shinjuku Prince Hotel บรรยากาศเรียบหรูแต่ให้ความรู้สึกสบาย ๆ และขาปูยักษ์ของที่นี่ไม่เพียงได้รับความนิยมจากลูกค้าต่างชาติเท่านั้น ร้านนี้ยังเป็นที่นิยมในหมู่ชาวญี่ปุ่นอีกด้วย

ขาปูยักษ์เรียงรายอยู่ในภาชนะบรรจุน้ำแข็งพร้อมความสดใหม่ที่รอให้เราไปพิสูจน์ และเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาด คือ เมนูขาปูสดนึ่งที่ถูกนำไปแช่แข็งทันทีหลังจากนึ่งเสร็จ เพื่อคงรสชาติความหวานและเนื้อแน่นของปูเอาไว้ให้ได้มากที่สุด จะทานคู่กับน้ำจิ้มปูที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้หรือบีบมะนาวใส่ก็อร่อยไม่แพ้กัน

เทปันยากิเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า และความพิเศษของฤดูร้อนนี้ ทางร้านได้นำเมนูเทปันยากิหอยเชลล์ย่างและกุ้งกลับมาตามคำเรียกร้อง รวมไปถึงอีกหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นสตูเนื้อผสมเบียร์กับซอสมัสตาร์ด เนื้อย่าง ข้าวหน้าต่าง ๆ ของหวานขนาดพอดีคำ ช็อคโกแลตฟองดูว์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ซึ่งจุดเด่นอีกอย่างของบุฟเฟ่ต์ที่นี่คือเมนูอาหารจะเปลี่ยนไปทุก ๆ สองเดือนเพื่อไม่ให้จำเจ และเน้นวัตถุดิบตามฤดูกาลเป็นหลักเพื่อให้ได้เมนูสดใหม่คุณภาพดี แต่ต้องบอกก่อนว่าบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ของที่นี่นั้นมีบริการเฉพาะวันจันทร์-อังคาร และวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้นนะคะ